น้ำหอมดี ๆ ขวดหนึ่ง นอกจากจะมีราคาค่างวดที่สูงแล้ว ยังค่อนข้างอ่อนไหวต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ซึ่งทำให้มีผลต่อกลิ่นและสี ยิ่งเรารู้เกี่ยวกับน้ำหอมน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้น้ำหอมด้อยคุณภาพลงได้ ดังนั้น เราจึงควรรู้เรื่องเกี่ยวกับน้ำหอมที่สำคัญ ๆ กันไว้หน่อยดีกว่า
เวลาที่เราซื้อน้ำหอมมา สิ่งแรกที่ห้ามทำเลยก็คือ การวางขวดน้ำหอมหรือเก็บน้ำหอมไว้ในที่ที่แดดส่องถึง และในที่ที่มีความชื้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ‘ห้องน้ำ’ เพราะแสงแดดและความชื้นจะทำให้ความหอมลดลง กลิ่นของน้ำหอมจะเพี้ยนได้ ให้วางขวดน้ำหอมไว้ในที่ที่มืดและเย็น ก็จะช่วยรักษาคุณภาพของน้ำหอมเอาไว้ได้นาน และกลิ่นไม่เพี้ยนไปจากตอนที่ซื้อมาครั้งแรก
เราอาจจะมักจะเห็นเวลาที่คนลองน้ำหอม หรือฉีดน้ำหอมทำกัน นั่นคือ หลังจากฉีดน้ำหอมตรงข้อมือแล้ว ก็จะถูข้อมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน แต่การทำแบบนั้นเป็นการลองน้ำหอมที่ผิดวิธี ! เพราะการที่เราเอาข้อมือมาถูกันหลังจากฉีดน้ำหอมลงไปแล้ว ทำให้ความหอมของน้ำหอมลดลง และติดไม่ทน
หลายคนอาจไม่ค่อยรู้ว่า การทาวาสลีนจะช่วยให้กลิ่นน้ำหอมติดนานขึ้น แต่ไม่ต้องถึงขั้นกับว่าต้องทาวาสลีนทั่วทั้งตัวนะ ให้ทาวาสลีนบาง ๆ ตรงจุดชีพจรต่าง ๆ เช่น ซอกคอ ข้อพับ ข้อมือ เป็นต้น ก่อนจะฉีดน้ำหอมลงไป วาสลีนจะช่วยให้กลิ่นของน้ำหอมติดทนนานขึ้น
บางคนอาจเผลอเขย่าขวดน้ำหอม แต่ขอเตือนไว้เลยว่า อย่าได้ทำเชียว เพราะการเขย่าน้ำหอม จะทำให้เกิดฟองอากาศ และฟองอากาศเหล่านี้ก็จะไปทำลายคุณภาพกลิ่นของน้ำหอมได้
หลายคนชอบฉีดน้ำหอมให้ผมหอม ๆ จริง ๆ ก็ไม่เชิงว่าใช้ไม่ได้ เพียงแต่น้ำหอมไม่เหมาะกับเส้นผมเท่านั้น เพราะในน้ำหอมมีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์อยู่ และถ้าหากแอลกอฮอล์นั้นโดนเส้นผมบ่อย ๆ อาจทำให้ผมแห้งเสียได้ ทางที่ดี ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความหอมสำหรับเส้นผมโดยเฉพาะดีกว่า
แทนที่จะฉีดทั่วทั้งตัว (เพราะกลัวไม่หอม หรือหอมไม่นาน) ให้ฉีดน้ำหอมเฉพาะจุดชีพจรดีกว่า เช่น ตรงซอกคอ ตรงข้อพับ ข้อมือ ซึ่งเป็นตำแหน่งของเส้นเลือดใหญ่ จุดชีพจรจะทำการกระจายความร้อน รวมทั้งกระจายความหอมจากผิว จึงทำให้กลิ่นหอมติดผิวได้นานขึ้น
เคยไหมที่เราซื้อน้ำหอมตามเพื่อน เพราะได้กลิ่นจากเพื่อนแล้วรู้สึกว่าหอม แต่การไปซื้อยี่ห้อเดียวกัน กลิ่นเดียวกัน ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้กลิ่นที่หอมเหมือนกันเป๊ะ เพราะน้ำหอมจะทำปฏิกิริยากับเคมีในร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน รวมทั้งสภาพสิ่งแวดล้อมของแต่ละคนก็ต่างกันด้วย หรือแม้แต่เหงื่อก็มีผล บางคนเหงื่อออกมา บางคนเหงื่อออกเยอะ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้กลิ่นของน้ำหอมแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน
เพราะน้ำหอมนั่นเกิดจากการนำเอาน้ำมันหอมสกัดมาเจือจาง ซึ่งน้ำมันหอมสกัดสามารถสกัดออกมาจากวัตถุดิบต่าง ๆ ได้หลายหลาก ดังนั้น จึงเกิดโทนกลิ่นน้ำหอมที่แตกต่างกันออกไปด้วย